เมนู

พระนคร. บทว่า สนฺถาคารํ คือโรงบูชายัญ. บทว่า ขราชินํ นิวาเสตฺวา
คือทรงนุ่งหนังเสือทั้งเล็บ. บทว่า สปฺปิเตเลน ด้วยเนยใสและน้ำมัน . น้ำมัน
อย่างใดอย่างหนึ่งที่เหลือเว้นเนยใส ท่านเรียกว่า เตลํ น้ำมัน. บทว่า กณฺฑว-
มาโน ทรงเกาคือทรงเกาด้วยเขาในเวลาที่ต้องเกาเพราะเล็บกุด. บทว่า
อนนฺตรหิตาย คือมิได้ลาดด้วยเครื่องลาด. บทว่า สรูปวจฺฉาย แห่งใดผู้
มีรูปเช่นเดียวกับแม่โค คือ ถ้าแม่โคขาว ลูกโคก็ขาวด้วย ถ้าแม่โคต่างหรือแดง
ลูกโคก็เป็นเช่นนั้นด้วย เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า สรูปวจฺฉา ด้วยประการฉะนี้.
บทว่า โส เอวมาห พระราชานั้นตรัสอย่างนี้. บทว่า วจฺฉตรา ลูกโคมีกำลัง
ผู้ถึงความมีกำลังเกินความเป็นลูกโคหนุ่ม แม้ในบทว่า วจฺฉตรี ลูกโคเมียก็มี
นัยนี้เหมือนกัน. บทว่า ปริสณฺฐาย เพื่อลาดพื้นคือเพื่อต้องการทำเครื่อง
ล้อม และเพื่อต้องการลาดบนพื้นบูชายัญ. บทที่เหลือง่ายทั้งนั้นเพราะกล่าวไว้
พิสดารแล้วในบทนั้น ๆ ในหนหลัง.
จบอรรถกถากันทรกสูตรที่ 1

2. อัฏฐกนาครสูตร


ว่าด้วยทสมคฤหบดี


[18] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้.
สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์อยู่ ณ เวฬุวคาม เขตนครเวสาลี ก็สมัย
นั้นคฤหบดีชื่อว่า ทสมะ เป็นชาวเมืองอัฏฐกะ ไปยังเมืองปาตลีบุตร ด้วย
กรณียกิจอย่างหนึ่ง ครั้งนั้น ทสมคฤหบดีชาวเมืองอัฏฐกะ เข้าไปหาภิกษุรูป
หนึ่งที่กุกกุฏาราม ไหว้ภิกษุนั้นแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้ถามภิกษุนั้น